สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (26 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.21% แตะที่ระดับ 98.225
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.38 เยน จากระดับ 147.80 เยนในวันจันทร์ (25 ส.ค.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8032 ฟรังก์ จากระดับ 0.8060 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3835 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3853 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1644 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1621 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3480 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3460 ดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ประกาศปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด หลังจากบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า คุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาเธอได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ FHFA ระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ที่ต้องการกดดันเฟด ท่ามกลางความไม่พอใจที่เฟดยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์มักอ้างว่าสหรัฐฯ ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อแล้ว
อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีอาจปลดผู้ว่าการเฟดก็ต่อเมื่อ "มีเหตุผลอันควร" เท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าคำสั่งของปธน.ทรัมป์ในการปลดนางคุก อาจจะต้องต่อสู้กันในชั้นศาล
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในระหว่างการประชุมที่เมืองแจ็กสันโฮล โดยระบุถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงาน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 2.8% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.8% หลังจากร่วงลง 9.3% ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)