สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ระดับ 97.789
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ะรดับ 0.7977 ฟรังก์ จากระดับ 0.7933 ฟรังก์ในวันจันทร์ (8 ก.ย.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3847 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3814 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.40 เยน จากระดับ 147.46 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1706 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1761 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3523 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3553 ดอลลาร์
ดอลลาร์ฟื้นตัวจากแรงช้อนซื้อ หลังจากที่ถูกเทขายออกมาอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ก.ย.)
ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลา 12 เดือนที่นับจนถึงเดือนมี.ค. 2568 โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น น้อยกว่าที่มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ถึง 911,000 ตำแหน่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐฯ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 100.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 100.3 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100.5
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ยอดขายที่สูงขึ้น แม้ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีคุณภาพในตลาด หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้มาตรการกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันนี้ และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี