สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (15 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ระดับ 97.300
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.32 เยน จากระดับ 147.49 เยนในวันศุกร์ (12 ก.ย.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7942 ฟรังก์ จากระดับ 0.7959 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3778 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3839 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1741 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3605 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3570 ดอลลาร์
ดอลลาร์ถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความใน Truth Social ในวันจันทร์ เพื่อบีบให้เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 16-17 ก.ย.
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้
ทั้งนี้ เฟดเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาในเดือนก.ค. จากการที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-2 ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว โดยกรรมการ 9 รายลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนอีก 2 รายคือนางมิเชล โบว์แมน และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด มีความเห็นสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนแอในไม่ช้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 ที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกโดยมีสมาชิกมากกว่า 1 รายโหวตสวนมติของที่ประชุมใหญ่ FOMC