สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (19 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มระยะสั้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ แต่ส่งสัญญาณว่าจะทยอยผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคต
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 97.644
ดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 147.96 เยนในวันศุกร์ (19 ก.ย.) แข็งค่าเล็กน้อยจาก 147.95 เยนในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) และ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 0.7955 ฟรังก์สวิส จาก 0.7927 ฟรังก์สวิส แต่อ่อนค่าลงแตะ 1.3776 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3807 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงมาที่ 1.1748 ดอลลาร์ จาก 1.1779 ดอลลาร์ แลปอนด์อังกฤษร่วงลงมาที่ 1.3469 ดอลลาร์ จาก 1.3550 ดอลลาร์
เมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ แต่ก็ส่งสัญญาณว่า ไม่มีความเร่งด่วนที่จะลดต้นทุนการกู้ยืมลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยประมาณการดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า dot plot แสดงให้เห็นคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
เงินปอนด์ของอังกฤษอ่อนค่าลงในวันศุกร์ หลังตัวเลขการกู้ยืมของรัฐบาลที่สูงเกินคาด ยิ่งซ้ำเติมแนวโน้มการคลังของประเทศให้ซับซ้อนขึ้น
ปอนด์ถือเป็นหนึ่งในสกุลเงินของประเทศกลุ่ม G10 ที่อ่อนค่ามากที่สุด ซึ่งสะท้อนความกังวลของนักลงทุนว่า ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษ อาจไม่สามารถควบคุมงบประมาณได้ตามที่ตั้งใจ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือนส.ค.ออกมาดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 0.5% จากสภาพอากาศที่สดใส แต่ข้อมูลการกู้ยืมของรัฐบาลที่ย่ำแย่ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่รัฐมนตรีคลังรีฟส์ต้องเผชิญในการประกาศงบประมาณในเดือนพ.ย.
ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ระบุว่ายอดค้าปลีกอังกฤษในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่ตัวเลขการเติบโตของยอดขายในเดือนก.ค.ถูกปรับลดลงเล็กน้อย