ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่ยูโรและเยนถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ
ณ เวลา 21.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.44% สู่ระดับ 98.151 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.34% สู่ระดับ 1.170 เทียบยูโร และดีดตัว 1.64% สู่ระดับ 149.86 เยน
เยนอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเทียบดอลลาร์ หลังจากที่นางซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะปูทางให้นางทาคาอิจิก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
นักลงทุนคาดการณ์ว่า ชัยชนะของนางทาคาอิจิจะลดแนวโน้มที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินเยนในอนาคต
ขณะเดียวกัน ยูโรอ่อนค่าลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในฝรั่งเศส หลังจากที่นายเซบาสเตียน เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้
ส่วนในสหรัฐ การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 6 ท่ามกลางความหวังที่ริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวครั้งใหม่ในวันนี้ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวถึง 4 ครั้งก่อนหน้านี้ จากการที่พรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมากถึง 60 เสียงตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ร่างงบประมาณดังกล่าวตกไป และทำให้สหรัฐยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์ต่อไป
สำหรับการลงมติในวันนี้ หลายฝ่ายยังคงคาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน หลังจากที่แต่ละฝ่ายต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการชัตดาวน์
การชัตดาวน์ส่งผลให้กระทรวงแรงงานสหรัฐไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งล้วนเป็นตัวเลขสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 ต.ค.
ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการชัตดาวน์ในรอบนี้จะกินเวลานานเพียงใด หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยสร้างสถิติชัตดาวน์นานถึง 35 วันในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งเป็นระยะเวลาชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งจบลงด้วยการที่สภาคองเกรสยอมผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว โดยแลกกับการที่งบประมาณฉบับดังกล่าวไม่มีการตั้งวงเงินสำหรับการสร้างกำแพงตามที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชนที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากภาวะชัตดาวน์
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในภาคเอกชนสหรัฐ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 94.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 81.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.