ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (10 ต.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.56% สู่ระดับ 98.977
ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าแตะระดับ 151.72 เยนในวันศุกร์ (10 ต.ค.) จากระดับ 153.18 เยนในวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) ขณะที่อ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.8013 ฟรังก์สวิส จาก 0.8074 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าสู่ระดับ 1.4000 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.4031 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1609 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.1547 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่เงินปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3346 ดอลลาร์ จาก 1.3281 ดอลลาร์
ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า อาจยกเลิกการประชุมที่วางแผนไว้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน พร้อมโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียโจมตีสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "แผนของจีนที่จะจับเศรษฐกิจโลกเป็นตัวประกัน" หลังจากจีนประกาศขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.)
คำกล่าวของทรัมป์หนุนให้ค่าเงินยูโรและเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินที่เชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลง
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า "สุดท้ายแล้ว แนวโน้มดังกล่าวสร้างบรรยากาศเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมาก จีนอาจต้องตอบโต้รุนแรงเพื่อบีบให้สหรัฐฯ เจรจาด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่า ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง"
บรรดานักลงทุนยังจับตาสัญญาณการเปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ระบุว่าจะเผยรายงานเงินเฟ้อผู้บริโภคประจำเดือนก.ย. ในวันที่ 24 ต.ค. เพื่อช่วยสำนักงานประกันสังคมคำนวณอัตราการปรับค่าครองชีพประจำปี 2569
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของเงินเฟ้อในการประชุมล่าสุด โดยนักวิเคราะห์ของธนาคารสโกเทียแบงก์ในโทรอนโตกล่าวว่า "การผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงเฟด กำลังถูกดำเนินการอย่างระมัดระวังต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ"
นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 97% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค. และมีโอกาส 92% ที่จะลดเพิ่มอีกครั้งในเดือนธ.ค. ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังซานาเอะ ทาคาอิจิ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เธอไม่ต้องการให้เงินเยนอ่อนค่ามากเกินไป และย้ำว่าการกำหนดนโยบายการเงินเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แต่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล
ทาคาอิจิมีแนวโน้มจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีในการลงมติของรัฐสภาญี่ปุ่นในวันที่ 15 ต.ค. แต่วันลงคะแนนอาจถูกเลื่อนออกไป หลังพรรคโคเมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลถอนการสนับสนุนพรรค LDP ทำให้การเป็นพันธมิตรยาวนาน 26 ปีสิ้นสุดลง
ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นหลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจแคนาดาสร้างงานเพิ่มขึ้น 60,400 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเกินความคาดหมายของตลาด โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดยังคงคาดว่า ธนาคารกลางแคนาดาอาจลดดอกเบี้ย แต่แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานทำให้แนวโน้มดังกล่าวลดลงเล็กน้อย