ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (17 ต.ค.) แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสและเยน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าและความไม่มั่นใจในภาคธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% สู่ระดับ 98.432 แต่ลดลง 0.43% ในรอบสัปดาห์นี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 150.50 เยนในวันศุกร์ (17 ต.ค.) จาก 150.30 เยนในวันพฤหัสบดี แต่อ่อนค่าแตะ 0.7926 ฟรังก์สวิส จาก 0.7934 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าแตะ 1.4017 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.4046 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.1668 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.1689 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ส่วนปอนด์อ่อนค่ามาอยู่ที่ 1.3434 ดอลลาร์ จาก 1.3436 ดอลลาร์
การปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญต้องหยุดชะงัก ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจต่อทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการเก็บภาษีสินค้าจีนในอัตรา 100% ไม่สามารถดำเนินการได้ในระยะยาว แต่กล่าวโทษจีนว่าเป็นสาเหตุของทางตันในการเจรจาการค้ารอบล่าสุด หลังจากทางการจีนเข้มงวดการส่งออกแร่หายาก ทั้งยังยืนยันว่าจะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนที่เกาหลีใต้ในอีกสองสัปดาห์ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดมีการขายดอลลาร์บางส่วน โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวการค้าสหรัฐฯจีน และความไม่มั่นคงของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯ
ดอลลาร์อ่อนค่าที่สุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส และอ่อนค่ารายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ส่วนเมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์ขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่อ่อนค่าในรอบสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งยืดเยื้อมานาน 17 วัน ทำให้ขาดข้อมูลแรงงานที่สำคัญ และความตึงเครียดทางการค้าที่ยังยืดเยื้อแม้ทรัมป์พยายามลดความร้อนแรงลงก็ตาม
คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากข้อมูลตลาดแรงงานยังออกมาผสมผสานกัน
ยูโรอ่อนค่าในวันศุกร์ แต่ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 9 สัปดาห์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ยังคงปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้
สำหรับสถานการณ์ในญี่ปุ่นนั้น คณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นได้กำหนดให้มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 21 ต.ค. หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เลือกซานาเอะ ทาคาอิจิ เป็นหัวหน้าพรรค แต่การลงมติแต่งตั้งล่าช้าเนื่องจากความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะเดียวกัน คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันพฤหัสบดีว่า BOJ พร้อมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากมีความเป็นไปได้สูงว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้จะเกิดขึ้นตามเป้าหมาย