ดอลลาร์พลิกแข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสูงกว่าคาด
ณ เวลา 21.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.08% สู่ระดับ 100.308 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.08% สู่ระดับ 1.147 เทียบยูโร และดีดตัว 0.21% สู่ระดับ 153.98 เยน
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 22,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 29,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี เช่นเดียวกับในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ซึ่งกำลังทำสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยการชัตดาวน์ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 36 ในวันนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งยาวนานกว่าสถิติเดิม 35 วันที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาศาลฎีกาสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดทำการไต่สวนในวันนี้ต่อคดีที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 1977
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตลาดการเงินก็อาจเกิดความปั่นป่วน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐ เพราะรัฐบาลอาจต้องคืนเงินภาษีมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ที่เก็บไปแล้ว และจะสูญเสียรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี