ดอลลาร์พลิกอ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังนักลงทุนพากันเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานพุ่งขึ้นในเดือนก.ย. แม้มีการจ้างงานสูงเกินคาดในเดือนดังกล่าว
ณ เวลา 23.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.12% สู่ระดับ 100.105 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.02% สู่ระดับ 1.154 เทียบยูโร และดีดตัว 0.13% สู่ระดับ 157.36 เยน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 43.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 27.8% ก่อนการเปิดเผยอัตราว่างงาน
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 56.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 72.2% ก่อนการเปิดเผยอัตราว่างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53,000 ตำแหน่ง หลังจากการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวที่ระดับ 4.3%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.เป็นลดลง 4,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.เป็นเพิ่มขึ้น 72,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรครั้งต่อไปในวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นตัวเลขการจ้างงานรวมกันของเดือนต.ค.และพ.ย. โดยจะไม่มีการแยกตัวเลขการจ้างงานของทั้งสองเดือนดังกล่าว
การเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 16 ธ.ค. ถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ มักเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์แรกของแต่ละเดือน
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอัตราว่างงานประจำเดือนต.ค. เนื่องจากทางกระทรวงฯ ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลการว่างงานสำหรับช่วงเวลาดังกล่าว เพราะในขณะนั้นสหรัฐอยู่ในภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์