ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (26 พ.ย.) โดยดอลลาร์อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 99.595
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8043 ฟรังก์ จากระดับ 0.8064 ฟรังก์ในวันอังคาร (25 พ.ย.) และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4040 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4092 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 156.46 เยน จากระดับ 155.83 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1594 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1584 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3235 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3213 ดอลลาร์
ดอลลาร์ยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. เทียบกับระดับ 30% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีมากขึ้น หลังจากสื่อรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวเก็งที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่แทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะครบวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ แฮสเซตต์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากได้รับการเสนอชื่อ เขาก็พร้อมที่จะรับตำแหน่งประธานเฟด และจะผลักดันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น
แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เช่น Kalshi และ Polymarket ต่างก็คาดการณ์ว่า แฮสเซตต์ จะนั่งตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ ปธน.ทรัมป์ก็จะมีพันธมิตรใกล้ชิดที่เขารู้จักและไว้วางใจอยู่ในเฟด ซึ่งจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่เขาต้องการ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนส.ค.