ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (30 ธ.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมาก ก่อนที่จะลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21 percent to 98.241
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 156.49 เยน จากระดับ 156.03 เยนในวันจันทร์ (29 ธ.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7917 ฟรังก์ จากระดับ 0.7896 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3696 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3684 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1747 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1767 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3466 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3507 ดอลลาร์
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งรวมถึงประเด็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมครั้งนี้
สมาชิก FOMC จำนวน 9 คนได้ลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 10 ธ.ค. ขณะที่สมาชิก 3 คนโหวตสวนมติ ซึ่งถือเป็นจำนวนการโหวตสวนมติมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2562 โดยสตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟด โหวตให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่เจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี และออสแตน กูลสบี ประธานเฟดสาขาชิคาโก โหวตให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมครั้งนี้
รายงานการประชุมเฟดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการ FOMC อาจยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้จนกว่าจะมีข้อมูลใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งรวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราว่างงาน
สำหรับการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ม.ค. ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมครั้งนี้