ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.21 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 98.28 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9039 ฟรังค์ จากระดับ 0.9057 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3518 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6186 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6135 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9322 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9317 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 46 ไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินซึ่งเป็นฉบับที่สภาผู้แทนราษฏรได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้
ร่างกฎหมายที่วุฒิสภามีมติไม่ผ่านร่างนั้น เป็นฉบับที่มีเนื้อหาครอบคลุมถึงมาตรการเลื่อนเวลาการบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือโอบามาแคร์ ออกไป 1 ปี นอกจากนี้ วุฒิสภายังมีมติไม่ผ่านมาตรการยกเลิกภาษีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งพรรคเดโมแครตมีความตั้งใจจะนำภาษีดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการโอบามาแคร์
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐจะส่งร่างกฎหมายที่มีเพียงมาตรการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-15 พ.ย.ฉบับนี้ ไปให้กับสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อ หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้การรับรองร่างกฎหมายก่อนวันนี้ (1 ต.ค.) เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทย สหรัฐก็อาจจะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางในบางส่วนในวันนี้ ซึ่งนับเป็นการปิดหน่วยงานครั้งแรกในรอบ 17 ปี
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 55.7 จาก 53.0 ในเดือนส.ค.
ดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของชิคาโกมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ 96.7 เทียบกับ 95.4 ในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของภาคการผลิตส่วนใหญ่ แม้ว่าภาคการผลิตเหล็กกล้าหดตัวลง