ค่าเงินยูโรปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3739 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3696 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.6427 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6344 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.22 เยน จากระดับ 102.91 เยนเมื่อวันศุกร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8905 ฟรังค์ จากระดับ 0.8925 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9107 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9097 ดอลลาร์สหรัฐ
เยนอ่อนค่าลงท่ามกลางความต้องการความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นทะยานขึ้นทั่วโลกเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่แข็งแกร่งในเดือนพ.ย. และข้อมูลการค้าต่างประเทศจีนที่ดีเกินคาด
กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ที่ว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากระดับ 7.3% ในเดือนต.ค.
ส่วนสำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.3% ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ 3.38 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 2 ที่ยอดเกินดุลการค้าจีนสูงเกิน 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์
ยูโร/ดอลลาร์แตะระดับ 1.3730 ดอลลาร์ในระหว่างวัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินยูโรโซนปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมกำหนดนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งยังคงช่วยหนุนยูโร
ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัว และนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มชะลอการซื้อพันธบัตรภายในเดือนมี.ค.2557 โดยเฟดมีกำหนดประชุมกำหนดนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 17-18 ธ.ค.