ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.28 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 101.66 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8727 ฟรังค์ จากระดับ 0.8755 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.1098 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.1064 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3904 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3858 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6627 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6616 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9023 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9021 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐได้หารือร่วมกับนายเซอร์กี ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมงที่กรุงลอนดอน แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาทางคลี่คลายความตึงเครียดในยูเครนได้ ขณะที่เขตปกครองตนเองไครเมียจะจัดให้มีการลงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย
นายลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายแคร์รี่ว่า "รัสเซียจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไครเมีย" พร้อมกับกล่าวว่า "รัสเซียและสหรัฐยังไม่สามารถหาทางออกใดๆที่จะคลี่คลายวิกฤตการณ์ในครั้งนี้"
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงเงินเยน
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค. ลดลงแตะ 79.9 จากระดับ 81.6 ในเดือนก.พ. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 82 ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลง 0.1% จากเดือนก่อน ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนใหม่ หลังจากที่การประชุมเฟดครั้งหลังสุดในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน