สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐช่วยหนุนกระแสการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1005 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1012 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3148 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3092 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7475 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7505 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 106.86 เยน จากระดับ 106.04 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9875 ฟรังก์ จากระดับ 0.9858 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3062 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3034 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.19 ล้านยูนิต ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 1.17 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ECB จะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้
อย่างไรก็ดี มีการคาดกันว่า ในการประชุมเดือนต่อไปนั้น ECB อาจจะประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.