ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนในกรอบบนของ 103 เยน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งหนุนความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้
ณ เวลา 18.14 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.16% สู่ระดับ 103.66 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.01% สู่ระดับ 115.94 เยน และร่วงลง 0.14% สู่ระดับ 1.1186 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.15% สู่ระดับ 96.315
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 80 ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 57.1 ในเดือนก.ย. และเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 ในเดือนส.ค. รวมทั้งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.0
กิจกรรมทางธุรกิจ และการจ้างงานต่างก็ปรับตัวขึ้นในเดือนก.ย.
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวเป็นเวลา 80 เดือนติดต่อกัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในเดือนที่แล้วว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%
ปอนด์ยังคงร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงวานนี้ต่ำกว่าระดับ 1.2700 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.1985 จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งอาจทำให้อังกฤษไม่สามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป
ก่อนหน้านี้ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน แสดงความเห็นว่า ประเทศใดที่ต้องการได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ก็ควรไม่มีการปิดกั้นสิทธิ์ในการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชาชน
คำกล่าวของนางแมร์เคิลถือเป็นการระบุอ้างอิงถึงอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่มีผู้อพยพจากยุโรปเดินทางเข้ามาในประเทศจนส่งผลกระทบต่อการหางานทำของชาวอังกฤษ
ณ เวลา 17.30 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 0.27% สู่ระดับ 1.2714 ดอลลาร์
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า ตนจะเริ่มกระบวนการนำอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ดี นางเมย์ยังไม่ได้ระบุถึงวันที่แน่นอนในการใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้สำหรับประเทศสมาชิกที่ต้องการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของกลุ่ม