ดอลลาร์ทรงตัวเหนือระดับ 118 เยนในวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะปรับตัวขึ้นต่อไป หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีหน้า
ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.01% สู่ระดับ 118.17 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.24% สู่ระดับ 123.32 เยน และดีดตัวขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1.0438 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.11% สู่ระดับ 102.99
ดอลลาร์พุ่งแตะระดับ 118.66 เยน ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ที่ตลาดลอนดอน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากกระแสคาดการณ์ในตลาดที่ว่า ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นและสหรัฐจะขยายกว้างขึ้นอีก จากการที่เฟดเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีหน้า ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
ดอลลาร์ได้พุ่งขึ้นมากกว่า 10% เทียบเยน หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น และหนุนคาดการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่าดอลลาร์จะพุ่งแตะระดับ 120 เยนภายในสิ้นปีนี้ ต่อเนื่องจากที่ได้ทะยานขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ยูโรฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากเมื่อวานนี้ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปีเทียบดอลลาร์
ไอเอ็นจี กรุ๊ป ออกรายงานระบุว่า ความแตกต่างกันระหว่างนโยบายการเงินของสหรัฐและยุโรปจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์และยูโรอยู่ที่ระดับ 1:1 ในที่สุด
เมื่อวานนี้ ยูโรดิ่งลงแตะระดับ 1.0364 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2003 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 1.0357
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้น
ในทางกลับกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศว่าจะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 5.4 แสนล้านยูโรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหภาพยุโรป
นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจีระบุว่า จากการที่ยุโรปยังคงประสบปัญหาในการกระตุ้นเงินเฟ้อที่ถูกกดดันอยู่ในระดับต่ำ และจากการที่ยูโรดิ่งลงทะลุระดับ 1.03 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ทำให้ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 1.00 ดอลลาร์ในไม่ช้า
ฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทยูนิเครดิตระบุว่า ถึงแม้ว่าแรงขายยูโรในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะมากเกินไป แต่การที่ตลาดจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงคริสต์มาส ก็จะส่งผลให้ยูโรปรับตัวลงมากขึ้น ขณะที่ถูกกดดันจากสภาพคล่องในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ
หากยูโรทรุดตัวลงแตะระดับ 1.00 ดอลลาร์ก่อนช่วงสิ้นปีนี้ สถิติในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ปัจจัยดังกล่าวจะฉุดให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงมากกว่า 1%