ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบเยน,ฟรังก์ เหตุวิตกสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 10, 2017 07:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกาหลีเหนือประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.90 เยน จากระดับ 110.48 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9638 ฟรังก์ จากระดับ 0.9752 ฟรังก์

ส่วนยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1753 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1758 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3002 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2981 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7882 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7915 ดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่นฟรังก์สวิส และเงินเยน

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีได้จุดปะทุขึ้นเมื่อวอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขนาดย่อส่วน ซึ่งออกแบบมาให้สามารถบรรจุเป็นหัวรบในขีปนาวุธได้ โดยหลังจากข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปไม่นาน ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐอย่างแน่นอน หากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า คลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากกว่าในอดีต พร้อมกับเตือนว่า การใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน และมากกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6% โดยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.ได้แรงหนุนจากสต็อกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 1.4%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.

ส่วนการแสดงความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นั้น นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อต่ำจะไม่เป็นอุปสรรคต่อเฟดในการปรับลดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนหน้า แต่จะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนธ.ค. หรือนานกว่านั้น

นอกจากนี้ นายอีแวนส์ยังคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. แต่ถ้าอัตราเงินเฟ้อต่ำลงอีก เฟดก็อาจจะตัดสินใจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ