ดอลลาร์ร่วงลงในวันนี้ต่ำกว่าระดับ 112 เยน หลังจากที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะจับตาเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจทำการยิงขีปนาวุธตอบโต้การซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อเป็นการท้าทายจีน และประชาคมระหว่างประเทศ
ณ เวลา 21.39 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.11% สู่ระดับ 111.72 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.34% สู่ระดับ 131.79 เยน และอ่อนค่า 0.19% สู่ระดับ 1.1800 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.13% สู่ระดับ 93.21
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 112 เยนในช่วงเช้า โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดของดัชนีนิกเกอิ แตะระดับสูงสุดในรอบ 21 ปี ส่งผลให้นักลงทุนเทขายเยน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ร่วงลงในช่วงเวลาต่อมา จากการที่นักลงทุนมองว่าการเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI ที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐ จะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทะยานขึ้น 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 13.1% ของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. โดยเป็นการดีดตัวขึ้น 1.7% เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน