ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่กรอบบน 106 เยน นลท.วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 9, 2018 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวที่บริเวณกรอบบน 106 เยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ ในขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนสกัดช่วงขาขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยผ่อนคลายความกังวลห้กับนักลงทุนในตลาด

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 106.95-106.99 เยน เมื่อเทียบกับระดับ 106.89-106.99 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 107.40-107.41 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันศุกร์ที่ผ่านมา

ขณะที่ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.2274-1.2275 ดอลลาร์ และ 131.28-131.30 เยน เมื่อเทียบกับ 1.2275-1.2285 ดอลลาร์ และ 131.27-131.37 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.2226-1.2228 ดอลลาร์ และ 131.31-131.35 เยนที่ตลาดโตเกียวในเย็นวันศุกร์ที่แล้ว

นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงเช้า และหันมาถือครองเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐออกมาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนเองก็ได้ออกมาประกาศหลังจากนั้นไม่นานว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างครอบคลุม หากสหรัฐยังคงเดินหน้ากีดกันการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว

โบรกเกอร์กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนมี.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 103,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 193,000 ตำแหน่ง หลังจากที่พุ่งขึ้น 326,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.

ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี และเป็นการทรงตัวที่ระดับดังกล่าวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.0%

ขณะที่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 8 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.1% ในเดือนก.พ. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ