ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆในวันนี้ ก่อนรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ค.
ณ เวลา 18.27 น.ตามเวลาไทย ยูโรปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 1.2033 ดอลลาร์ ปอนด์อ่อนค่าลง 0.5% แตะที่ 1.3694 ดอลลาร์ เยนปรับตัวลง 0.3% สู่ระดับ 109.63 เยน/ดอลลาร์
ทั้งนี้ ดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เกือบตลอดทั้งวัน เนื่องจากหลายตลาดในเอเชียและยุโรปปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันแรงงาน
ขณะเดียวกันนักลงทุนไม่ผลีผลามลงทุน เพราะต้องการรอดูผลการประชุมเฟด ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และจะปรับขึ้นในการประชุมเดือนมิ.ย.
นอกจากประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.
ด้านเงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เผยให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรปรับตัวลดลงแตะ 53.9 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 54.9 ในเดือนมี.ค.
โดยดัชนีเดือนเม.ย.ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 17 เดือน และต่ำกวาที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 54.5
ร็อบ ด็อบสัน ผู้อำนวยการของไอเอชเอส มาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ปรับตัวลดลง เนื่องจากการขยายตัวของการผลิต ธุรกิจใหม่ และคำสั่งซื้อใหม่ล้วนชะลอตัวลง
ยูจิ ไซโตะ นักวิเคราะห์ในโตเกียวกล่าวว่า นักลงทุนบางรายซื้อดอลลาร์ เพราะเชื่อว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญนั้น พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับเป้าหมายของเฟด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว และใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของเฟด
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดส่วนหนึ่งยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่คลี่คลายลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายเวลาการยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมให้ EU แคนาดา เม็กซิโก ออกไปอีกหนึ่งเดือน หรือจนถึงวันที่ 1 มิ.ย.