ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก หลัง PPI สหรัฐพุ่งหนุนคาดการณ์เฟดเดินหน้าขึ้นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 12, 2018 07:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลที่บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนในปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.03 เยน จากระดับ 111.29 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9962 ฟรังก์ จากระดับ 0.9924 ฟรังก์

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1672 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1749 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3205 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3215 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 0.7370 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 3.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2554 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2% โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และค่าใช้จ่ายในภาคบริการ

การพุ่งขึ้นของดัชนี PPI ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนในปีนี้ โดยในการประชุมเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค.

ขณะที่เงินปอนด์ยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอังกฤษหลังจากการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ Brexit ได้ประกาศลาออก เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านแผนซอฟต์ เบร็กซิต (Soft Brexit) ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ โดยเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมองว่า นายกฯเมย์ยอมอ่อนข้อต่อสหภาพยุโรป (EU) มากเกินไป และง่ายเกินไป

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย. ทางด้านรัฐบาลจีนได้ออกมาประท้วงการกระทำดังกล่าวของสหรัฐ และเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ