ดอลลาร์ร่วงลงจากคำสั่งขายทำกำไร หลังดีดตัวขึ้นในช่วงแรกทะลุ 113 เยน แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะกว้างขึ้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ณ เวลา 22.45 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.03% สู่ระดับ 112.82 เยน หลังจากพุ่งแตะ 113.14 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.24% สู่ระดับ 131.29 เยน และร่วงลง 0.17% สู่ระดับ 1.1639 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.20% สู่ระดับ 95.14
ในการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วเพียงพอที่จะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
นายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ, ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน, การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
ปอนด์ร่วงลงในวันนี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรทรงตัวที่ระดับ 2.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ของสหราชอาณาจักรทรงตัวที่ระดับ 2.4% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 2.6%
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ดัชนี CPI ต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย. จะส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค. หลังจากที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว