ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งเทียบค่าเงินหลัก หลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2018 07:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.48 เยน จากระดับ 112.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9949 ฟรังก์ จากระดับ 0.9899 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3012 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2938 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1506 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1577 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3121 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3191 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7116 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7138 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นหลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 25-26 ก.ย. ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไปแม้ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน

สำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 25-26 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.,มิ.ย. และในเดือนก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง

ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรลดลงสู่ระดับ 2.4% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% หลังจากดีดตัวแตะระดับ 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดย ONS ระบุว่า การร่วงลงของราคาอาหาร เป็นปัจจัยฉุดดัชนี CPI ในเดือนก.ย.

ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การชะลอตัวของดัชนี CPI จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ย. โดยดิ่งลง 5.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.201 ล้านยูนิต จากระดับ 1.268 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.220 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ