ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบค่าเงินหลัก หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 22, 2018 07:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 1 ปี และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9944 ฟรังก์ จากระดับ 0.9949 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3254 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3314 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.07 เยน จากระดับ 112.72 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1388 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1367 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2780 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2784 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7264 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 4.4% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อเครื่องบิน

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 224,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย

ทางด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 97.5 ในเดือนพ.ย. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.3 หลังจากแตะระดับ 98.6 ในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

ส่วนสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 5.22 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 6 เดือน อย่างไรก็ดี ยอดขายบ้านยังคงถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สต็อกบ้านอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต

  • ตลาดเงินสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) *

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ