ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์ร่วงเทียบดอลล์ หลัง "ทรัมป์" แสดงความเห็นกรณี Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 28, 2018 07:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงว่าด้วยการที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยกล่าวว่า ข้อตกลง Brexit อาจเป็นอุปสรรคทางการค้าระหว่างสหรัฐและสหราชอาณาจักร

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2733 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2811 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1329 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7228 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.78 เยน จากระดับ 113.64 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3299 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3241 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9986 ฟรังก์ จากระดับ 0.9991 ฟรังก์

ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเห็นที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เมื่อพิจารณาข้อตกลง Brexit ในขณะนี้จะเห็นได้ว่า สหราชอาณาจักรอาจจะไม่สามารถทำการค้ากับสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกมาปกป้องร่างข้อตกลง Brexit โดยกล่าวว่า "สหราชอาณาจักรสามารถทำข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆทั่วโลก ส่วนสหรัฐนั้น เราได้พูดคุยกับสหรัฐแล้ว เกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงที่เราจะทำร่วมกันในอนาคต"

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐนั้น นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้กระตุ้น หรือขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงที่เฟดเริ่มต้นวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558

นอกจากนี้ นายแคลริดาเน้นย้ำถึงความสำคัญของเจ้าหน้าที่เฟดในการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับสำหรับการวางแผนดำเนินการด้านนโยบายในอนาคต โดยกล่าวว่า การวางกลยุทธ์นโยบายการเงินจะต้องเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามา และรูปแบบเศรษฐกิจ โดยมีการตัดสินใจที่รอบคอบ ก่อนที่จะมีการวางกรอบ และสื่อสารแนวทางนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายของเฟด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐซึ่งสำรวจโดย Conference Board ปรับตัวลงสู่ระดับ 135.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 137.9 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 135.9

ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 5.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และชะลอตัวลงจากระดับ 5.7% ของเดือนส.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเบื้องต้นเดือนต.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 7-8 พ.ย. นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อดูว่า ประธานเฟดจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหรือไม่ รวมทั้งจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ