ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบค่าเงินหลัก นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังสหรัฐ-จีนสงบศึกการค้าชั่วคราว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 4, 2018 07:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9988 ฟรังก์ จากระดับ 0.9996 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3210 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3288 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.68 เยน จากระดับ 113.60 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1342 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1308 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2726 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2742 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7348 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.24% แตะระดับ 97.0402 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลายลง ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เห็นพ้องกันให้เลื่อนกำหนดเวลาที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อการนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก 90 วัน จากกำหนดเดิมในวันที่ 1 ม.ค.2562 เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เดินหน้าเจรจายุติข้อพิพาทการค้าระหว่างกัน

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย. โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.8 หลังจากแตะระดับ 57.7 ในเดือนต.ค.

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลภาคการผลิตของ ISM สวนทางกับที่ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 55.7 ในเดือนต.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับตัวลง 0.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP,ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ดุลการค้าเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ