ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์ร่วงเทียบดอลล์ นักลงทุนกังวล Brexit ไร้ทิศทาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินปอนด์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนของการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ผู้นำเยอรมนีและผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้ปิดทางเจรจาข้อตกลง Brexit ต่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2528 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2557 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1326 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1352 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7205 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7185 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.39 เยน จากระดับ 113.20 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9928 ฟรังก์ จากระดับ 0.9897 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3396 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3411 ดอลลาร์แคนาดา

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางเข้าพบผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 13-14 ธ.ค.

ทั้งนี้ นางเมย์ได้หารือกับนายมาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เพื่อขอเสียงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในข้อตกลง Brexit

อย่างไรก็ดี ผู้นำของ EU ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พวกเขายินดีที่จะให้คำชี้แจงในประเด็นต่างๆต่อนางเมย์ แต่จะไม่มีการเจรจาต่อรองครั้งใหม่ต่อข้อตกลง Brexit ดังกล่าว

ขณะที่นางแมร์เคิลระบุจุดยืนของเยอรมนีว่าจะไม่มีการเจรจาทำข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่

ทางด้านนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า "ข้อตกลงที่เราได้ทำขึ้นถือเป็นข้อตกลงฉบับเดียวที่ดีที่สุดที่มีความเป็นไปได้ และเราจะไม่เปิดการเจรจาครั้งใหม่"

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นางเมย์ได้ประกาศเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit ออกไปโดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่มีกำหนดลงมติในวันนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์จะถูกคว่ำกลางสภา หากมีการลงมติในวันนี้

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ