"บลูมเบิร์ก"ชี้"บาท"พุ่งกว่า 5% ขึ้นแท่นสกุลเงินแข็งค่าสุดในโลก ขณะกระทบส่งออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 22, 2019 20:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทของไทยติดอันดับสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ขณะที่รูเปียห์ของอินโดนีเซียตามมาเป็นที่ 2 โดยปรับตัวขึ้นเกือบ 2%

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของบาทกำลังเป็นปัจจัยกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค.61

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนธ.ค.61 ที่ลดลง 1.72% เป็นผลมาจากแนวโน้มการค้าที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบการส่งออกสินค้าสำคัญที่สืบเนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และแนวโน้มการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี

น.ส.พิมพ์ชนกยอมรับว่า ภาวะเงินบาทแข็งค่ายังเป็นอีกปัจจัยที่น่ากังวลและมีผลต่อการส่งออกในปีนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของบาทมีสาเหตุจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การที่ไทยมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงถึง 2.07 แสนล้านดอลลาร์ และมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด

ด้านนายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า บาทจะยังคงแข็งค่าในปีนี้ แต่นายปรากาช ศักปาล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของธนาคาร ING กล่าวว่า การเมืองอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งในปีนี้

นอกจากนี้ การแข็งค่าของบาทอาจส่งผลต่อความพยายามของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.61 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 โดยการดีดตัวขึ้นของบาทจะกดดันเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ปัจจุบันเงินเฟ้อได้อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธปท.

"ภาวะเงินเฟ้อต่ำอาจนำไปสู่การชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานาน โดยเราคาดว่าธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ในไตรมาส 4" นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ