ดอลลาร์ปรับตัวแคบในกรอบ 109 เยน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 17, 2019 22:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์ปรับตัวแคบในช่วงบนของกรอบ 109 เยน โดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของดอลลาร์ถูกจำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 22.15 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.08% สู่ระดับ 109.93 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.03% สู่ระดับ 122.67 เยน และร่วงลง 0.11% สู่ระดับ 1.1160 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.12% สู่ระดับ 97.98

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.5 จากระดับ 97.2 ในเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ ดัชนีภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และดัชนีคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตต่างปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้จัดทำการสำรวจดังกล่าว ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว

Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 112.1 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% และ 0.2% ในเดือนมี.ค. และก.พ.ตามลำดับ

Conference Board ระบุว่า ดัชนี LEI ที่ดีดตัวขึ้น ได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้น, สถานะการเงิน และมุมมองของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสหรัฐมีพฤติกรรมรังแกจีนในระหว่างการเจรจาการค้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การเจรจาประสบความล้มเหลว

"ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ในการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและสหรัฐรอบที่ 11 อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า ฝ่ายสหรัฐได้เพิ่มความขัดแย้งทางการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจรจา" นายเฟิงกล่าว

"จีนเชื่อมาโดยตลอดว่าการขึ้นภาษีไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า อย่างไรก็ดี จีนจะดำเนินการตอบโต้ด้วยมาตรการที่จำเป็น และเราขอเรียกร้องให้สหรัฐเร่งแก้ไขในสิ่งที่ผิดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เพิ่มขึ้นต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคในทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก" เขากล่าว

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

ปอนด์ร่วงลงเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ หลังมีข่าวว่า การเจรจาระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยม และพรรคแรงงาน ได้ประสบความล้มเหลว

ณ เวลา 17.46 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 0.34% สู่ระดับ 1.2752 ดอลลาร์ และปรับตัวลง 0.26% สู่ระดับ 0.8752 เทียบยูโร

การเจรจาระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และพรรคแรงงานของนายเจเรมี คอร์บิน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในวันนี้ โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ทั้งนี้ การเจรจาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ระหว่างแกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ขณะที่นายคอร์บินระบุในจดหมายถึงนางเมย์ว่า การเจรจาได้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขณะนี้พรรคแรงงานจะเดินหน้าขัดขวางข้อตกลง Brexit ของนางเมย์

นายคอร์บินระบุเสริมว่า การที่นางเมย์ขาดเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา และนางเมย์มีแนวโน้มที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเจรจา

ทั้งนี้ แกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมระบุวานนี้ว่า นางเมย์จะประกาศกำหนดเวลาของการลาออกจากตำแหน่งในช่วงต้นเดือนหน้า

ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ประกาศชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ แทนนางเมย์

ก่อนหน้านี้ นายจอห์นสันได้เคยอยู่ร่วมคณะรัฐมนตรีกับนางเมย์ แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินการเจรจาของนางเมย์เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit

ราคาต่อรองในสำนักพนันที่ถูกกฎหมายในอังกฤษบ่งชี้ว่า นายจอห์นสันเป็นตัวเก็งที่จะเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่แทนนางเมย์ และมีความเป็นไปได้ 28% ที่เขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของอังกฤษ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ