ดอลลาร์ปรับตัวแคบในกรอบ 110 เยน ก่อนเผยรายงานประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 22, 2019 22:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์ปรับตัวแคบในกรอบ 110 เยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนไม่ต้องการซื้อขายล็อตใหญ่ ก่อนการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ณ เวลา 22.18 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.15% สู่ระดับ 110.32 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.20% สู่ระดับ 123.03 เยน และอ่อนค่าลง 0.05% สู่ระดับ 1.1152 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.01% สู่ระดับ 98.07

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ขณะเดียวกัน ตลาดยังให้ความสำคัญต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขายังไม่มีกำหนดการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่

ทางด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ส่งสัญญาณเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมที่จะทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐ

"เราอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทัพทางไกล (Long March) เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาที่กองทัพแดงได้เริ่มออกเดินทัพ" ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวปราศรัยที่มณฑลเจียงสี

"ขณะนี้ เรากำลังเตรียมเดินทัพทางไกลครั้งใหม่ และเราจะต้องเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง" รายงานจากหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ระบุถึงคำกล่าวของปธน.สี จิ้นผิง

ถึงแม้ปธน.สี จิ้นผิงไม่ได้ระบุถึงสหรัฐ หรือการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แต่ถ้อยคำของปธน.สี จิ้นผิงถูกตีความว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะไม่ยอมแพ้ต่อสหรัฐในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ การเดินทัพทางไกลเป็นการเดินทัพของกองทัพแดงในการทำสงครามกลางเมืองของจีนในช่วงทศวรรษ 1930

ปธน.สี จิ้นผิงได้เยี่ยมชมบริษัทผลิตแร่หายากในมณฑลเจียงสีเมื่อวันจันทร์ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า จีนอาจใช้แร่หายากเป็นเครื่องมือตอบโต้ในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ โดยอาจสั่งห้ามการส่งออกแร่เหล่านี้ หากการทำสงครามการค้ามีความรุนแรงขึ้น

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนนี้ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ