ดอลลาร์ปรับตัวแคบในกรอบ 108 เยน โดยนักลงทุนมองว่าการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชิญนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าพบที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เป็นการกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.20 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ระดับ 108.73 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.12% สู่ระดับ 120.44 เยน และดีดตัวขึ้น 0.06% สู่ระดับ 1.1077 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.01% สู่ระดับ 97.80
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ระบุว่า เขาได้หารือกับนายพาวเวลเกี่ยวกับการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงสูงเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง
ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักแสดงความไม่พอใจต่อนายพาวเวล และนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งปธน.ทรัมป์อ้างว่าได้ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตของสหรัฐ โดยเฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าเยอรมนี ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังเผชิญปัจจัยลบ จากการที่นักลงทุนมีความวิตกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ทั้งนี้ นางสาวยูนิส หยุ่น ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของ CNBC ทวีตข้อความระบุว่า "แหล่งข่าวรัฐบาลบอกดิฉันว่า ทางการปักกิ่งไม่เชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้า โดยจีนมีความไม่พอใจต่อการที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าจะไม่มีการยกเลิกการเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ซึ่งจีนมองว่าทั้งสองฝ่ายเคยตกลงกันในเรื่องนี้แล้ว ขณะที่กลยุทธ์ในการเจรจาในขณะนี้คือ ทำการเจรจา แต่ให้รอต่อไป เนื่องจากยังมีหลายปัจจัย เช่น การถอดถอนประธานาธิบดี และการเลือกตั้งในสหรัฐ"
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเผชิญอุปสรรคจากการที่สหรัฐเรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้น ขณะที่จีนปฏิเสธเงื่อนไขของสหรัฐที่ต้องการให้จีนยุติการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และจีนยังเรียกร้องให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก