ดอลลาร์ร่วงเทียบเยน,ยูโร ดัชนีภาคการผลิตซบกดดันตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 3, 2019 00:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์ร่วงลงเทียบเยนและยูโรในวันนี้ หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ปรับตัวอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 23.49 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.43% สู่ระดับ 109.04 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 120.83 เยน และดีดตัวขึ้น 0.59% สู่ระดับ 1.1080 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.42% สู่ระดับ 97.86

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4

ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสต็อกสินค้าคงคลัง

ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของดัชนีภาคการผลิตของ ISM สวนทางกับข้อมูลของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 51.3 ในเดือนต.ค.

ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

ดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่การจ้างงานสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. แต่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้สหรัฐเสียเปรียบต่อประเทศคู่แข่ง

"บราซิลและอาร์เจนตินาได้ทำการลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของเรา ดังนั้น ผมจะเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยมีผลบังคับใช้ในทันที และธนาคารกลางสหรัฐควรดำเนินการ เพื่อไม่ให้ประเทศต่างๆเอาเปรียบเราด้วยการปรับลดค่าเงิน ขณะที่เรามีดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งทำให้ผู้ผลิตและเกษตรกรของเราประสบปัญหาในการส่งออกสินค้า โดยเฟดควรลดดอกเบี้ย และทำการผ่อนคลายทางการเงิน" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เคยเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าระดับ 0% โดยระบุว่า อัตราดอกเบี้ยติดลบในยุโรปและภูมิภาคอื่นกำลังทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้า


แท็ก สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ