ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) โดยขานรับข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.19% สู่ระดับ 98.6841
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9773 ฟรังก์ จากระดับ 0.9753 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3299 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3290 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.73 เยน จากระดับ 109.97 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0946 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0977 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2922 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6676 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6731 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 225,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 158,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในเดือนม.ค. จากระดับ 3.5% ในเดือนธ.ค.
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. จาก 0.1% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.1% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.0%
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 251,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ในเดือนม.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 19,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 63.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2556