ดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนักเทียบกับสกุลเงินหลักในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตรการครั้งใหญ่ในการประชุมฉุกเฉินวานนี้
ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 2.17% สู่ระดับ 105.56 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 1.64% สู่ระดับ 117.82 เยน และดีดตัว 0.49% สู่ระดับ 1.1160 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.79% สู่ระดับ 97.97
ทั้งนี้ เฟดสร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
การใช้มาตรการ QE ของเฟดเมื่อวานนี้ ถือเป็นการทำ QE เป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่สหรัฐเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และภาวะถดถอยในปี 2550-2552 โดยเฟดได้ถือครองสินทรัพย์จำนวนมากในช่วงที่ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE เป็นจำนวน 3 รอบก่อนหน้านี้เพื่อกระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าว
การซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ครั้งล่าสุดของเฟด ส่งผลให้เฟดถือครองสินทรัพย์ในงบดุลสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 1.25% สู่ระดับ 0.25% และขยายอายุเงินกู้เป็นเวลา 90 วัน และเฟดยังได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารจำนวนหลายพันแห่งสู่ระดับ 0%
นอกจากนี้ เฟดได้ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว
การดำเนินการของเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นมาตรการครั้งใหญ่ที่สุดภายในวันเดียวที่เฟดเคยดำเนินการ