ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก เหตุวิตกข้อมูลแรงงานสหรัฐหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 3, 2020 07:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.85 เยน จากระดับ 107.22 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9730 ฟรังก์ จากระดับ 0.9670 ฟรังก์ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4190 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4219 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0851 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0929 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2396 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2372 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6048 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6071 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐได้รับคำสั่งซื้อในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.1 ล้านราย

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงาน มีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐทรงตัวในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนม.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะลดลง 100,000 ตำแหน่ง โดยการจ้างงานในภาคเอกชนลดลง ขณะที่การจ้างงานในภาครัฐเพิ่มขึ้น จากการที่รัฐบาลจ้างพนักงานสำหรับการทำสำรวจสำมะโนประชากรประจำปีนี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า อัตราการว่างงานเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ