ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก เหตุนลท.แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 23, 2020 07:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.43% สู่ระดับ 99.7920

ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.58 เยน ขณะที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9725 ฟรังก์ จากระดับ 0.9701 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3995 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3947 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0897 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0955 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2174 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2235 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6533 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6564 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีน หลังนายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้เสนอกฎหมายใหม่ในวันศุกร์ (22 พ.ค.) ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง

การดำเนินการดังกล่าวของจีนสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะตอบโต้จีน หากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วง และจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง

นอกจากนี้ การที่จีนระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปีนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป และการที่ปธน.ทรัมป์ได้ใช้ยูโรเป็นเหตุผลอีกครั้งในการกดดันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ยูโรร่วงต่ำกว่าระดับ 1.10 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560 โดยในสัปดาห์นี้ ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐราว 1.6% และร่วงลงราว 4.3% แล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้

ปธน.ทรัมป์ได้มุ่งเป้าโจมตีไปที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนักการเมืองยุโรป ซึ่งเขาคิดว่า จงใจทำให้ยูโรอ่อนค่าลงเพื่อลดความได้เปรียบด้านการส่งออกของสหรัฐ

แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าแปลกใจที่ยูโรอ่อนค่าลง เพราะเศรษฐกิจยูโรโซนที่มีแนวโน้มอ่อนแอ และเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ