ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก วิตกโควิดระบาดหนักกระทบศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 1, 2020 07:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในสหรัฐและทั่วโลก

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.146% สู่ระดับ 97.3930 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9475 ฟรังก์ จากระดับ 0.9514 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3586 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3688 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 107.98 เยน จากระดับ 107.69 เยน

ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1233 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1235 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2390 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2286 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6897 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6859 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 10,432,846 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 508,803 ราย ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า การเปิดเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินคาดของสหรัฐนั้น ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเผชิญกับความท้าทายแบบใหม่ โดยจะเห็นได้จากหลักฐานที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้ "แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก และจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการควบคุมไวรัสชนิดนี้ ส่วนการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ และแนวโน้มในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในทุกระดับเพื่อให้การเยียวยาและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" นายพาวเวลกล่าว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค. โดยราคาบ้านเดือนเม.ย.ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 98.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 85.9 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 91.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เริ่มมีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ