ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 26, 2020 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ดีดตัวสูงกว่าคาดในเดือนส.ค. ขณะที่ดอลลาร์ถูกกดดันจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% แตะที่ 93.0136 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1835 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1790 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3146 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3056 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ร่ะดับ 0.7195 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7160 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.32 เยน จากระดับ 105.96 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9077 ฟรังก์ จากระดับ 0.9112 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3183 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3232 ดอลลาร์แคนาดา

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น หลังจาก Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดีดตัวสู่ระดับ 92.6 ในเดือนส.ค. จากระดับ 90.4 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 92.2

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจของเยอรมนีมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.3 แสนล้านยูโร รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ผลสำรวจ Ifo มาจากการสำรวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งภาคบริการ ประมาณ 9,000 แห่งในแต่ละเดือน

ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 84.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 91.7 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 93.0 โดยดัชนีร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้บริโภคมีความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่ได้เปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว สอดคล้องกับเดือนพ.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 13.9% สู่ระดับ 901,000 ยูนิตในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 785,000 ยูนิต

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค. เวลา 09.10 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.10 น.ตามเวลาไทย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ