ดอลลาร์แข็งค่า สอดคล้องบอนด์ยีลด์ปรับตัวใกล้นิวไฮ 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 26, 2021 23:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เพื่อควบคุมการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

ณ เวลา 23.18 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.39% สู่ระดับ 106.62 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.16% สู่ระดับ 129.11 เยน และร่วงลง 0.53% สู่ระดับ 1.211 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.48% สู่ระดับ 90.56 หลังจากแตะ 90.77 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงในวันนี้ แต่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 1.5% หลังจากพุ่งขึ้นเหนือ 1.6% วานนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์เงินเฟ้อที่จะพุ่งขึ้นจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ เนื่องจากพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้รับการอนุมัติ ก็จะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่า กระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง

ก่อนหน้านี้ สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบ fast track โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation ซึ่งจะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวสามารถผ่านสภาคองเกรสโดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน

ขณะนี้ พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ส่วนในวุฒิสภานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนเสียงเท่ากัน 50-50 เสียง ดังนั้น การที่วุฒิสภาจะให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จำเป็นต้องอาศัยคะแนนเสียงชี้ขาด 1 เสียงจากนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะลงคะแนนเสียงในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขว่า วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจะไม่สามารถแตกแถวแม้แต่เสียงเดียว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ