ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.64% แตะที่ 92.3410 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.74 เยน จากระดับ 108.80 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9338 ฟรังก์ จากระดับ 0.9234 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2568 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2509 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1852 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1941 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3863 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7643 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7754 ดอลลาร์สหรัฐ
นายพาวเวลและนางเยลเลนได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ โดยนายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก โดยได้แรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสและเฟดต่างก็ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่า "ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์"
ทั้งนี้ นายพาวเวลยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
ทางด้านนางเยลเลนคาดว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัว และมีการจ้างงานเต็มศักยภาพในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
นักลงทุนจับตานายพาวเวลและนายเยลเลนซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ โดยทั้งสองจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความสำคัญของการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 18.2% สู่ระดับ 775,000 ยูนิตในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 875,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.พ.ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 34.8% สู่ระดับ 6.472 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยการพุ่งขึ้นของตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของการส่งออก ขณะที่ภาคธุรกิจปิดกิจการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ , ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กำไรภาคเอกชนไตรมาส 4/2563, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน