ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี
ณ เวลา 19.13 น.ตามเวลาไทย ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ 1.1747 ดอลลาร์
ไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 62.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 57.9 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 62.4 นอกจากนี้ ดัชนี PMI เดือนมี.ค.ยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในเดือนมิ.ย. 2540
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานและการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อดัชนี PMI ในไม่ช้านี้ โดยยุโรปกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สาม ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศกลับมาบังคับใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคบริการที่สำคัญในยูโรโซน และต้องอาศัยภาคการผลิตในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ.