ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด
ณ เวลา 00.05 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.31% สู่ระดับ 112.87 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.31% สู่ระดับ 130.78 เยน และขยับขึ้น 0.01% สู่ระดับ 1.159 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.03% สู่ระดับ 94.02
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 8.6% เช่นกันในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะพิจารณาสิ่งบ่งชี้ในวงกว้างเพื่อประเมินภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
"เมื่อเราทำการประเมินว่า ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพแล้วหรือไม่ เราจะพิจารณาจากสิ่งบ่งชี้ในวงกว้าง นอกเหนือจากการดูตัวเลขสำคัญ" นายพาวเวลกล่าวในการเสวนาผ่านระบบออนไลน์
นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดจะให้ความสำคัญต่อความเหลื่อมล้ำในตลาดแรงงาน โดยเศรษฐกิจจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากประชาชนจำนวนมากสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลสอดคล้องกับที่เขากล่าววานนี้ว่า ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากกว่าผู้ชาย และการลดช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ ถือว่ามีความสำคัญต่อสหรัฐเพื่อทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวเต็มศักยภาพ
"ภาวะเหลื่อมล้ำทางเพศได้ส่งผลกระทบจากการผลิตในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ" นายพาวเวลกล่าวอย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินแต่อย่างใด หลังจากที่เฟดได้จัดการประชุมในสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และเฟดจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2565 หลังจากที่เฟดยุติโครงการ QE ในช่วงกลางปีดังกล่าว
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังระบุว่า เฟดอาจเร่งการปรับลด QE และยุติโครงการ QE โดยสิ้นเชิงภายในไตรมาสแรกของปี 2565 หากมีความจำเป็น
"หากเงินเฟ้อดำเนินไปนานกว่าที่เราคาดไว้ เราก็อาจจะยุติโครงการ QE เร็วกว่าคาดเพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม" นายบูลลาร์ดกล่าว