ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายหนึ่งระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะชะลอลง และนักลงทุนเทขายดอลลาร์เพื่อทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นในช่วงแรกขานรับการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.18% แตะที่ระดับ 104.5460
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 134.47 เยน จากระดับ 135.24 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9377 ฟรังก์ จากระดับ 0.9367 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3463 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3427 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.3254 โครนา จากระดับ 10.3088 โครนา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.0537 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0522 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2289 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2257 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไร หลังพุ่งขึ้นในช่วงแรกขานรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวระดับ 3.7% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันในวันศุกร์จากการที่นายชาร์ลส อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยว่า อัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมีแนวโน้มชะลอลง แต่ก็ระบุว่าเฟดอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดซึ่งสูงกว่าเล็กน้อยจากระดับที่เคยคาดไว้ในเดือนก.ย.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค. 2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.75-5.00%