ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (16 ต.ค.) หลังจากนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.37% แตะที่ระดับ 106.2488
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9003 ฟรังก์ จากระดับ 0.9012 ฟรังก์ในวันศุกร์ (13 ต.ค.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3617 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3658 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.9178 โครนา จากระดับ 11.0126 โครนา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 149.5270 เยน จากระดับ 149.5050 เยน
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0554 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0511 ดอลลาร์ในวันศุกร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2212 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2135 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากนายฮาร์เกอร์กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมธนาคารเพื่อการกู้จำนอง (Mortgage Bankers Association) ในวันจันทร์ (16 ต.ค.) ว่า เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงกำลังส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลง 7 จุด สู่ระดับ -4.6 ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ผู้ผลิตมีความเชื่อมั่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยคาดว่ากองทัพอิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาในไม่ช้านี้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐกำลังจับตาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความขัดแย้งดังกล่าว แต่ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเหตุการณ์นี้จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ โดยจะขึ้นอยู่กับว่าความขัดแย้งจะลุกลามออกไปนอกอิสราเอลและฉนวนกาซาหรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.