พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพิจารณาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่บ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า
การร่วงลงของราคาพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.246% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.965%
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
นางเยลเลนยังระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่กำลังส่งสัญญาณความแข็งแกร่งในการจ้างงาน และการขยายตัว เพียงพอที่จะเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นางเยลเลนกล่าวว่า ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.นั้น กรรมการเฟดมีความเห็นว่า เหตุผลที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น
นางเยลเลนตั้งข้อสังเกตุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายตามภารกิจของเฟดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา และการจ้างงานในระดับสูงสุด โดยตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อก็ได้ดีดตัวขึ้น แม้ว่ายังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2%
ประธานเฟดย้ำว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อๆไปของเฟด จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็จะเพียงพอที่จะทำให้นโยบายของเฟดอยู่ในระดับเป็นกลางในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในอัตราปานกลาง ขณะที่การลงทุนทางธุรกิจยังคงอ่อนแอ โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 25.5% สู่ระดับ 1.32 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2007 และทำสถิติอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.1982
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 235,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1973
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. จากแรงหนุนของราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.