พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
การร่วงลงของราคาพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.296% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.825%
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. และ 3-4 ครั้งในปีหน้า ถ้าหากว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐยังคงปรับตัวลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
นายโรเซนเกรนกล่าวว่า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ขณะที่อัตราการว่างงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ก็จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป
นายโรเซนเกรนระบุว่า การที่จะทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% นั้น เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับที่คาดไว้ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดก็ตาม โดยนางเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคง ขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้
เฟดสาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30.2 จากระดับ 24.2 ในเดือนก.ย.
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก