พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และผู้ที่จะมาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่
การร่วงลงของราคาพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.406% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.922%
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนก.ย.
ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 54.5 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 55.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติงบประมาณประจำปี 2561 ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนรอการเปิดเผยชื่อว่าที่ประธานเฟด ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประกาศรายชื่อภายในสัปดาห์นี้
ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาจะทำการตัดสินใจในไม่ช้าเกี่ยวกับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า เขาจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ "ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า" ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ในขณะนั้นว่า ตัวเก็ง 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณาเป็นประธานเฟดคนใหม่ ได้แก่ นางเยลเลน, นายพาวเวล, นายเทย์เลอร์ รวมทั้งนายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ และนายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และสหรัฐในสัปดาห์หน้า