บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้น นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ, Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 13, 2019 22:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.621% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.006%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

เมื่อวานนี้ สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 391-242 เสียงคว่ำข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำไว้กับผู้นำ EU ก่อนหน้านี้ แม้ว่านางเมย์ได้รับความเห็นชอบจากผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ให้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit โดยมีผลผูกพันทางกฏหมาย ซึ่งรวมถึงนโยบาย backstop ซึ่งเป็นนโยบายในการรับประกันว่า จะไม่มีการกลับไปใช้มาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป

ครั้งนี้นับเป็นความพ่ายแพ้ของนางเมย์เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 432 ต่อ 202 เสียงในเดือนม.ค. คว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ ส่งผลให้นางเมย์เป็นผู้นำรัฐบาลอังกฤษที่ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในรัฐสภาในรอบ 95 ปี

รัฐสภาอังกฤษจะลงมติในวันนี้ว่าจะเห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไร้ข้อตกลงหรือไม่ โดยการลงมติดังกล่าวจะมีขึ้นในเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือคืนนี้ 02.00 น.ตามเวลาไทย

หากรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไร้ข้อตกลง รัฐสภาก็จะทำการลงมติในวันพรุ่งนี้ว่าจะเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากร่วงลง 0.8% ในเดือนธ.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนธ.ค.

การเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนม.ค. ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในภาคขนส่ง

อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนธ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 3.1% ในเดือนม.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 3 เดือนติดต่อกัน

การปรับตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2560 หลังจากดีดตัวขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และดีดตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ