ฟิทช์คงอันดับเครดิตตั๋วแลกเงินของ ESSO ที่ระดับ ‘F1(tha)’

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 5, 2013 15:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (Short-term National Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ มูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) ที่ระดับ ‘F1(tha)’

สำหรับปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (funds flow from operations adjusted net leverage) ของ ESSO จะอยู่ในระดับ 5 เท่าถึง 6.5 เท่า ในปี 2556-2559 จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ระดับ 5 เท่าถึง 5.5 เท่า กระแสเงินสดจาการดำเนินงานของ ESSO ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะจากธุรกิจพาราไซลีน และการที่ฟิทช์มองว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันและส่วนต่างราคาระหว่างผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของพาราไซลีนที่น่าจะยังคงอ่อนแออยู่ น่าจะทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทล่าช้าออกไป

นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่า ESSO ไม่น่าจะมีแผนการลงทุนใหญ่ๆในช่วงปี 2556-2560 หลังจากที่โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันศรีราชาเสร็จในปี 2554 ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทฯน่าจะลดลงเหลือประมาณหกร้อยล้านบาทถึงหนึ่งพันล้านบาทต่อปี จาก สี่พันถึงสี่พันห้าร้อยล้านบาทต่อปี ช่วงปี 2553-2554 ดังนั้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผลของ ESSO น่าจะเป็นบวกตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนในด้านการดำเนินธุรกิจและการเงินจากบริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ บริษัทฯได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลกของกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ในการจัดหาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน และสามารถใช้ประโยชน์จากการบริการด้านเทคโนโลยี และวิศวกรรม ทรัพยากรบุคคล และการวิจัยและพัฒนาของกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ นอกจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงาน กลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ยังได้ให้เงินกู้ยืมเงินระยะสั้นแก่ ESSO ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 จำนวน สามพันล้านบาท หลังจากที่ให้กู้ยืมเงินระยะยาวในปี 2555 จำนวนห้าพันล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ยังมีการให้วงเงินสำหรับเงินทุนหมุนเวียนแก่บริษัทฯ จำนวนห้าหมื่นสี่พันล้านบาทอีกด้วย

ขณะเดียวกัน อันดับเครดิตของ ESSO สะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ที่มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูง รวมถึงความได้เปรียบในการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบในต้นทุนที่ต่ำโดยผ่านเครือข่ายของบริษัทแม่ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่" (Esso) ที่มีชื่อเสียงอันยาวนานในประเทศไทย อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่โรงกลั่นของบริษัทฯ มีการประสานเชื่อมโยงกันกับการผลิตพาราไซลีนซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สายการผลิตมีการใช้ประโยชน์สูงสุด และยังเป็นการช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการกลั่นน้ำมันได้บางส่วนอีกด้วย นอกจากนี้ ESSO ยังมีความแข็งแกร่งในธุรกิจการค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูป โดยมีสัดส่วนยอดขายต่อยอดขายทั้งหมดในตลาดประมาณร้อยละ 16 ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย

สถานะเครดิตของ ESSO ยังพิจารณารวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันดิบ รายได้ค่าการกลั่น ตลอดจนส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน และการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯได้ นอกจากนี้ ESSO ยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียว (Single-Site) อีกด้วย

ในส่วนของปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต แบ่งเป็นปัจจัยบวกซึ่งได้แก่ ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและผลประกอบการที่มีความสม่ำเสมอตลอดช่วงวัฎจักรของอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ต่ำได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยลบประกอบด้วย สัดส่วนการถือหุ้นและการสนับสนุนที่น้อยลงจากกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล กระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผลที่เป็นลบอย่างต่อเนื่อง ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเฉลี่ยที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนที่สูงขึ้นโดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ